แสงสีฟ้า (Blue Light) อันตรายกว่าที่คิด
แสงสีฟ้า หรือ Blue Light มีชื่อทางการเต็มๆ ว่า High Energy Visible Lighe (เรียกย่อๆ ว่า HEV หรือ HEVIS Light) คือ แสงพลังงานสูงที่อยู่ในแสงสีขาว (Visible Light) ที่มนุษย์มองเห็นได้ แสงสีขาวนั้นแบ่งได้ 7 สีคือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง ซึ่งแสงสีฟ้าจะผสมอยู่ในช่วงครามกับน้ำเงิน มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400-500 นาโนเมตร
แสงสีฟ้านอกจากจะเป็นอันตรายต่อดวงตาแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผิวด้วย เพราะเป็นตัวกระตุ้นผิวอักเสบ เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวแก่กว่าวัย
https://www.youtube.com/watch?time_continue=25&v=WrOy4b-tIzo&embeds_referring_euri=https%3A%2F%2Fallgiff.com%2F&source_ve_path=MjM4NTE&feature=emb_title
ในแสงอาทิตย์ ที่ส่องมาจะประกอบไปด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet : UV) ประมาณ 5%
ซึ่งแบ่งเป็นรังสี UVA และ UVB, รังสีที่มองเห็น (Visible light) 50%
และรังสีความร้อนหรือรังสีอินฟราเรด (Infrared) อีก 45%
แสงสีฟ้าซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบ้าง
- แสงแดด
- หน้าจอโทรศัพท์
- หน้าจอคอมพิวเตอร์
- หน้าจอโทรทัศน์
- อุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ
- หลอดไฟ LED ตามบ้านเรือน หรือรถยนต์
แสงสีฟ้าก่อปัญหาให้ผิวอย่างไร
- ผิวอักเสบ แพ้ง่าย ขาดความแข็งแรง
- กระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ฝ้าแดดฝังลึก ผิวหมองคล้ำ ได้เช่นเดียวกันกับรังสี UVA และ UVB
- ทำลายคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ในชั้นผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ผิวหย่อนคล้อย ขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยได้ง่าย และดูแก่กว่าวัย
- ขัดขวางการฟื้นตัวของปราการผิว ทำให้เกราะปกป้องผิวอ่อนแอ เกิดสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- รบกวนการทำงานของฮอร์โมนที่ช่วยให้นอนหลับ นอนหลับไม่สนิท ส่งผลเสียทางอ้อมต่อผิว
ที่มา : medthai
กินอะไร ให้ผิวปลอดภัยจาก แสงสีฟ้า
- มิกซ์ แคโรทีนอยด์ จากผลปาล์ม, ดอกดาวเรือง และมะเขือเทศ ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่จะมาทำลายผิว และดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่น 440-466.6 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงความยาวคลื่นของแสงสีฟ้า
- โทโคไตรอีนอล จากผลปาล์มแดง ปกป้องเซลล์ผิวจากแสงสีฟ้า โดยลดการทำลายเซลล์ และลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน