รู้จักไบโอติน วิตามินบำรุงผมที่คุณอาจไม่เคยรู้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ไบโอติน” กลายเป็นหนึ่งในคำค้นยอดฮิตของคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมหงอกก่อนวัย หลายคนสงสัยว่าไบโอตินคืออะไร? จำเป็นไหม? และช่วยเรื่องผมได้จริงหรือไม่? บทความนี้จะพาไปรู้จักไบโอตินให้ลึกขึ้น พร้อมดูว่าวิทยาศาสตร์พูดถึงมันว่าอย่างไร รวมถึงแนะนำวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีไบโอตินแบบที่เห็นผลจริง
ไบโอตินคืออะไร?
ไบโอติน (Biotin) หรือที่รู้จักกันในชื่อวิตามินบี7 เป็นวิตามินชนิดละลายน้ำ พบได้ในอาหารธรรมชาติ เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้ง และธัญพืชไม่ขัดสี มีบทบาทสำคัญต่อการเผาผลาญอาหาร การสร้างพลังงาน และกระบวนการสร้างเคราตินในร่างกาย ซึ่งเคราตินเป็นโปรตีนหลักที่ประกอบขึ้นเป็นเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ เมื่อร่างกายขาดไบโอติน จึงอาจส่งผลให้ผมร่วง เล็บเปราะ หรือเกิดปัญหาหนังศีรษะอ่อนแอ
ไบโอตินกับสุขภาพเส้นผมเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
-
ไบโอตินเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการสร้างเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักของเส้นผม
-
ขาดไบโอติน → อาจทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะไม่แข็งแรง
-
แม้ร่างกายคนทั่วไปจะได้รับไบโอตินจากอาหารเพียงพอ
👉 แต่ในบางกลุ่ม เช่น ผู้มีปัญหาเรื้อรัง หรือใช้ยาบางชนิด อาจต้องการเสริมเพิ่มเติม
ไบโอตินช่วยลดผมร่วงได้จริงไหม?
-
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การรับประทานไบโอตินเสริม อาจช่วยลดผมร่วง ในผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินนี้
-
โดยเฉพาะในผู้ที่ผมร่วงหลังคลอด หรือจากความเครียดเรื้อรัง
-
ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ควรใช้ควบคู่กับสารอาหารอื่นที่ดีต่อเส้นผมด้วย เช่น ซีลีเนียม ซิงก์ วิตามินบี รวมถึงสารสกัดฮอร์สเทล
แม้จะยังขาดหลักฐานชัดเจนว่าการรับประทานไบโอตินเสริมช่วยลดผมร่วงได้ในทุกกรณี แต่ในผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินบี7 หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงบางประเภท การเสริมไบโอตินอาจช่วยฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมได้ดีขึ้น และนิยมใช้ไบโอตินบำรุงผม หรือที่เรียกว่า “ไบโอตินผมร่วง” ลองมาดูว่ากลุ่มไหนที่อาจได้รับประโยชน์จากการเสริมไบโอตินบ้าง
กลุ่มคนที่อาจได้รับประโยชน์จากการเสริมไบโอติน
-
ผู้ที่มีภาวะขาดไบโอติน เช่น กินอาหารไม่หลากหลาย หรืออดอาหารบ่อย
-
ผู้ที่ผมร่วงหลังคลอดบุตร
-
ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการดูดซึมไบโอติน เช่น ยากันชัก ยาปฏิชีวนะ
-
ผู้ที่มีความเครียดเรื้อรัง หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
งานวิจัยเกี่ยวกับไบโอตินกับปัญหาผมร่วง
แม้งานวิจัยเกี่ยวกับไบโอตินกับผมร่วงในมนุษย์ยังมีจำกัด แต่พบว่าในกลุ่มที่มีภาวะขาดสารอาหาร ไบโอตินสามารถช่วยให้เส้นผมดูหนาขึ้น แข็งแรงขึ้นภายใน 90 วัน
การเสริมร่วมกับสารอาหารอื่น เช่น แอล-ซิสเทอีน วิตามินบีรวม และซีลีเนียม อาจให้ผลลัพธ์ดีกว่าการรับไบโอตินเดี่ยวๆ
ต้องใช้ไบโอตินนานแค่ไหนจึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไป ควรรับประทานไบโอตินอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเส้นผม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และควรใช้ควบคู่กับการดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น พักผ่อนเพียงพอ กินโปรตีนให้เพียงพอ และลดความเครียด
ปริมาณไบโอตินที่เหมาะสมในแต่ละวัน
-
ตามประกาศ Thai RDI กำหนดให้ได้รับไบโอตินขั้นต่ำที่ 30 มคก./วัน
-
ปัจจุบัน อย. อนุญาตให้ใส่ไบโอตินในอาหารเสริมได้สูงสุดถึง 900 มคก./แคปซูล
-
ซึ่งให้มากถึง 3,000% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ถ้าอยากบำรุงผมด้วยไบโอติน ต้องเลือกอย่างไร?
-
เลือกสูตรที่มีไบโอตินในระดับสูง พร้อมสารอาหารเสริมที่ช่วยสนับสนุนการสร้างเคราติน
-
เช่น ฮอร์สเทล, แอล-ซิสเทอีน, วิตามินบี 5 / บี 12, ซิงก์, ซีลีเนียม
แนะนำ Biotin H Maxx 900 จากกิฟฟารีน
✅ แมกซ์โดสไบโอติน 900 มคก./แคปซูล
✅ ผสมฮอร์สเทล + แร่ธาตุ + วิตามินบำรุงผม
✅ เหมาะกับผู้มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ผมหงอก และหนังศีรษะอ่อนแอ
👉 ดูรายละเอียดสินค้า Biotin H Maxx 900 คลิกที่นี่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สรุป
-
ไบโอตินมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพเส้นผม และช่วยลดผมร่วงในผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร
-
การเสริมไบโอตินแมกซ์โดส พร้อมสารอาหารที่ช่วยฟื้นฟูรากผม อาจช่วยให้เห็นผลเร็วและชัดเจนขึ้น
-
ก่อนเลือกใช้ ควรดูว่าได้ปริมาณเพียงพอหรือไม่ และมีสารอาหารสนับสนุนครบหรือเปล่า
ดูแลเส้นผมและหนังศรีษะ
อาหารเสริมผู้ชาย
สินค้าใหม่กิฟฟารีน
สามารถนำรหัสสมาชิก 48004219 ไปซื้อได้ที่ศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ : หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : WeLoveGiffarine
Email : mai-mee-jai@hotmail.com
โทร. 090-0491594
Line : @welove.giffarine